สหรัฐฯ ให้รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านเดินทางมายังนิวยอร์กเพื่อเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติซึ่งก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คัดค้านที่กล่าวว่ารัฐบาลไบเดนไม่ควรอนุญาตให้เข้าประเทศ
“กลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน โจมตีทหารของเรา และปัจจุบันกําลังคุมขังชาวอเมริกัน แต่รัฐบาลไบเดนได้อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่านเดินทางมายังดินแดนสหรัฐฯ” เจนี เออร์นสต์ สมาชิกวุฒิสภาจากไอโอวา เขียนไว้บนแพลตฟอร์ม X
“การประนีประนอมต้องสิ้นสุด” เธอเพิ่มเติม
Digital ได้ทราบว่ารัฐมนตรีต่างประเทศฮอสเซน อามีรอบดอลลาฮีอานของอิหร่านจะเดินทางมายังนิวยอร์กในวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อ ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และถามกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯว่าเหตุใดจึงอนุญาตให้เข้าประเทศ แม้เขาจะไม่ได้เข้าร่วมประชุมดังกล่าว แต่เขาได้เดินทางมาถึงคืนวานนี้ สถานีโทรทัศน์ของรัฐอิหร่านได้ถ่ายทอดวิดีโอรัฐมนตรีฯ อยู่ที่โรงแรมมิลเลนเนียมฮิลตันติดกับสหประชาชาติ
ผู้พูดหน้าของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้กล่าวกับ Digital ว่า “ในฐานะประเทศเจ้าภาพของสหประชาชาติ สหรัฐฯ ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงสํานักงานใหญ่สหประชาชาติที่จะต้องออกวีซ่าให้ตัวแทนของรัฐสมาชิกสหประชาชาติเดินทางมายังเขตสํานักงานใหญ่สหประชาชาติ”
“สหรัฐฯ จะปฏิบัติตามภารกิจของประเทศเจ้าภาพสหประชาชาติตามข้อตกลงสํานักงานใหญ่อย่างจริงจัง” ผู้พูดหน้ากล่าวเน้นย้ําว่า “ข้อมูลวีซ่าเป็นความลับตามกฎหมายของสหรัฐฯ”
เจสัน บร็อดสกี้ ผู้อํานวยการด้านนโยบายขององค์กรการกุศลต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านและนักวิชาการรับเชิญจากสถาบันตะวันออกกลางได้เขียนบนแพลตฟอร์ม X ว่าอามีรอบดอลลาฮีอาน “มีเลือดชาวอเมริกันอยู่บนมือ” และวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไบเดนที่ออกวีซ่าให้
“สหรัฐฯ ปฏิเสธวีซ่าให้กับรัฐมนตรีต่างประเทศคนก่อนหน้า ชาวอิหร่านชื่อว่าชาวัด ซาริฟ ในปี 2020” บร็อดสกี้กล่าวถึงข้อยกเว้น โดยระบุว่าสหรัฐฯ ไม่จําเป็นต้องออกวีซ่าให้ผู้นําต่างประเทศ “เพื่อเหตุผลด้านความมั่นคง การก่อการร้าย และนโยบายต่างประเทศ” เขากล่าวว่า “มีประวัติศาสตร์เช่นนี้และควรใช้ในกรณีนี้” บร็อดสกี้เขียนว่า “น่ารังเกียจ”
ข้อยกเว้นที่บร็อดสกี้กล่าวถึงรวมถึงการที่รัฐบาลทรัมป์ไม่อนุญาตให้รัฐมนตรีต่างประเทศชาวอิหร่านชื่อชาวัด ซาริฟ เดินทางมาในปี 2020 แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือเมื่อประธานาธิบดีเรแกนไม่อนุญาตให้ประธานคณะกรรมการปลดปล่อยปาเลสไตน์ชื่อยาสเซอร์ อาราฟัต เดินทางมายังสหประชาชาติในปี 1988 โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ
บรูค ซิงก์แมน จาก Digital มีส่วนร่วมในรายงานฉบับนี้